วันเกิดคุณแม่

18 เมษายน คือวันเกิดแม่ของเรา
 
วันเกิดแม่เราทุกปีเราจะไปไหว้พระกัน จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว เราไปไหว้พระกันในกรุงเทพก็ 9 วัดนั้นแหละ แต่ปีนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวอยุธยากรุงเก่ากันบ้าง
 
คราวนี้ก็ 9 วัดเหมือนเคย เราวางแผนล่วงหน้าก่อนสองวัน เพราะว่าอยุธยามีวัดเยอะถ้าไม่วางแผนล่ะก็ เลอะเทอะใหญ่แน่ ขับรถวนไปวนมาเสียเวลาเปล่า อยุธยาเปรียบเสมือนชีวิตของเราเลยก็ว่าได้ เราเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยามาตั้งแต่เด็กแล้ว เราจึงค่อนข้างจะรู้ดีมากที่สุด(ในบ้าน) (แต่คงสู้แฟนพันธุ์แท้อยุธยาไม่ได้) แต่ไปอยุธยาที่ไร ต้องพกแผนที่ไปด้วยทุกทีจนแผนที่เน่าและ ก็อย่างที่ว่าแหละสภาพทางภูมิศาสตร์ของอยุธานั้นเป็นเกาะที่มีแม่น้ำ 3 สายล้อมรอบ คือ เจ้าพระยา ป่าสัก และลพบุรี ถนนหนทางในเกาะเมืองอยุธยาก็วนไปวนมา เหมือนเขาวงกต ขับไปขับมาก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม การวางแผนจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะเที่ยวในเกาะเมือง และถ้าเป็นไปได้แผนที่ก็น่าจะพกไปด้วยนะ
 
ในการเดินทางครั้งนี้วางแผนจะไปไหว้พระที่อยุธยาเพียง 8 วัด เพราะอีกหนึ่งวัดนั้นคุณแม่ได้ไปตักบาตรและไหว้พระที่วัดผาสุกแล้ว(จึงนับเป็นวัดแรก) เราออกเดินทางกันตอนสายๆ จากปากเกร็ด ขึ้นทางด่วนไปลงบางปะอิน ตลอดเส้นทางนี้เราจะได้ทอดสายตามองทุ่งนาที่สุดลูกหูลูกตาของจ.อยุธยา อันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของบ้านเมืองเรา ด้วยความที่พื้นที่อยุธยาเป็นที่ลุ่มจึงเหมาะแก่การปลูกข้าว เลี้ยวขวาเข้าอยุธยาที่สี่แยกวรเชษฐ์ เลี้ยวซ้ายก่อนถึงสี่แยกไฟแดง ตามป้ายบอกทางไปสู่วัดท่าการ้อง อันเป็นวัดแรกที่เราเลือกจะไปเริ่มต้นการไหว้พระที่นี่ บรรยากาศของวัดนี้ที่จอดรถอาจจะร้อนซักหน่อย แต่รับรองว่าเมื่อเดินเข้าไปถึงด้านในแล้วท่านจะสบายกายอย่างที่สุด วัดนี้จัดสภาพภูมิทัศน์ได้อย่างสวยงามไปไหว้หลวงพ่อยิ้มในพระอุโบสถ (ต้องไปดูเองแล้วจะรู้ว่าทำไมเรียกหลวงพ่อยิ้ม) แล้วออกมานมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐานด้านในอาคารด้านข้าง ที่ติดแอร์เย็นสบายทำให้ไม่อยากออกจากที่นั่น วัดนี้มีศาลาการเปรียญติดน้ำ ที่เก่าแก่มาก ด้านหลังศาลานี้ มีห้องน้ำพที่แสนสบายและสะอาดแทบจะนอนได้เลยที่เดียว ดูไปดูมาเหมือนสปาดีๆนี่เอง ประโยคที่มองไปทางไหนในวัดนี้ก็จะเห็นก็คือ "มาแล้ว ต้องมาอีก" ดูเหมือนจะเป็นจริง สงสัยจะมาเข้าห้องน้ำมั้ง
 
ย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อจะเข้าสู่เกาะเมือง แต่ก่อนข้ามสะพานเข้าสู่เกาะเมือง ต้องแวะไหว้พระขอพรที่วัดกษัตราธิราชก่อน วัดนี้ต่างจากวัดท่าการ้องเพราะว่าวัดนี้ไม่ได้มีต้นไม้ ดอกไม้สวยเหมือนวัดท่าการ้อง แต่ที่วัดนี้หินอ่อนสวยมากเลยที่เดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าถอดร้องเท้าเดิน มันจะไม่หายหรอก แต่เท้าคุณจะพอง วัดนี้สิ่งก่อสร้างดูเป็นแบบสมัยใหม่ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำกับเจดีย์ศรีสุริโยทัย สีทองอร่าม ออกจากวัดนี้แล้วก็เข้าสู่เกาะเมืองได้แล้ว
 
เมื่อข้ามไปสู่เกาะเมืองแล้วก็เลี้ยวซ้ายใช้ถนน เลียบแม่น้ำไปจนถึงอนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ (ทางซ้ายมือ) แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานออกไปนอกเกาะอีกทีที่วัดพนมยงค์ วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่น่าทำบุญมาก เพราะยังไม่สิ่งก่อสร้างมาก เป็นที่รู้จักน้อย จริงๆแล้ววัดนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทาง แต่คุณแม่อยากไปไหว้ เราจึงปรับแผนนิดหน่อยก็ใช้ได้
 
ออกจากวัดพนมยงค์มาก็ต้องกลับรถเข้าสู้เกาะเมืองอีกครั้ง เมื่อข้ามสะพานเข้าเกาะเมืองไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ตรงไป โค้งไปเรื่อยตามถนนประมาณ 1-2 กิโลเมตร ข้ามสะพานทางซ้ายมือไปสู่วัดหน้าพระเมรุ นมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ หนึ่งเดียวในอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลาย และนมัสการพระคันธารราษฎร์พระพุทธรูปสมัยทวารวดีที่เก่าแก่มากในวิหารน้อย เหตุที่วัดนี้ไม่ถูกทำลายจากพม่าเนื่องจากวัดนี้เป็นที่ตั้งของกองทัพพม่าเมื่อคราวยกทัพมาล้อมกรุงศรีฯ แต่เมื่อขณะจะจุดปืนใหญ่ใส่พระนคร ปืนเกิดระเบิด ทำให้แม่ทัพเสียชีวิต ทัพพม่าจึงต้องยกทัพกลับ ต่างเล่าลือกันว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ อันประดิษฐานในพระอุโบสถ ออกจากวัดหน้าพระเมรุตั้งใจจะไปไหว้พระรอบนอกก่อนจึงค่อยเข้ามาปิดโปรแกรมในเกาะเมืองอีกครั้ง เราจะขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่เกาะเมืองอีกครั้ง เพื่อจะตัดออกไปทางวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม เอาเป็นว่าต่อไปนี้จะไม่บอกวิการเดินทางแล้วกันมองหาตามป้ายไปได้เลย เพราะมีป้ายบอกทางไปที่ท่องเที่ยวถี่มาก
 
สถานที่ต่อไปคือวัดใหญ่ชัยมงคลนั้นแหละ วัดนี้จะสามารถมองเห็นไปจากระยะไกลเพราะเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยานั่นเอง นมัสการพระประธานแล้วก็ไปสักการะพระนเรศวรมหาราช ประวัติการสร้างวัดนี้ก็มีหลายตำราตามแต่จะค้นคว้าครับ ไม่ว่าจะเป็นพงศาวดารเหนือ หรือพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาพวาดสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชของพม่า ภายในพระอุโบสถด้านซ้ายของพระประธานก็น่าสนใจเช่นกัน
 
ออกจากวัดใหญ่ฯ เลยไปนิดเดียวก็ถึงวัดพนัญเชิง ประวัติวัดนี้ก็มีหลากหลายครับ หลายตำราก็ว่าไปต่างกัน วัดนี้มีพระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่ชาวจีนเรียกว่า ซำปอกง เป็นประธาน (วัดกัลยาณมิตรที่ฝั่งธนฯ ก็เช่นกัน) ชาวจีน หรือผู้ที่ค้าขายทางเรือจะนิยมมากไหว้พระที่วัดนี้เป็นอย่างมาก ภายในวัดนี้จะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยจีน อย่างลงตัวทีเดียว
 
ย้อนกลับเข้าเกาะเมืองอีกครั้งมุ่งหน้าสู่วัดโลกยสุธาราม นมัสการพระนอนกลางแจ้ง และออกจากวัดไปนิดเดียวเข้าสู่วิหารพระมงคลบพิตร ด้านข้างพระบรมมหาราชวังอันสถานที่ปิดโปรแกรมและซื้อของฝาก อันเป็นธรรมเนียมของการท่องเที่ยว
 
ด้านอาหารการกินนั้น ร้านอาหารตั้งแต่ข้างถนน จนถึงภัตตาคาร ก็มีให้เลือกเยอะแยะ เชิญเลือกเอาตามอัธยาศัย
 
หมายเหตุ ถ้าจะเที่ยวอยุธยา ในแบบอนุรักษ์นิยมแนะนำให้ไปเริ่มต้นที่ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ถนนโรจนะ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ชมแบบจำลองกรุงศรีอยุธยา ย้อนหลังไป กว่า 400 ปี แล้วคุณจะเข้าใจว่าบรรพบุรุษเราทำอะไรกันอยู่
 
กลับบ้านมาก็ 6 โมงเย็น พร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือ
 
————————————-
 
"หากไม่เที่ยวไทย แล้วใครจะมาเที่ยวบ้านเรา"
ข้อความนี้ถูกเขียนใน Travel คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

2 ตอบกลับที่ วันเกิดคุณแม่

  1. ToP-Ac120-KaniT พูดว่า:

    ห้าห้า มากมายเลยอ่านเมื่อยตา
    โด่ไปบ้านทอปก็ไม่บอกกกก สายไหมกินยัง
    55 5 +

  2. Superrookie พูดว่า:

    ขอให้แม่เบสมีความสุขมากๆ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง

ใส่ความเห็น